PCC เปิดเทรดวันแรกที่ 4.02 บาท เหนือจอง 0.5% จากไอพีโอ 4 บาท

21 ตุลาคม 2565

PCC เปิดการซื้อขายวันแรกที่ราคา 4.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากราคาไอพีโอที่ 4 บาท ฟากโบรกฯ ให้ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 4.70-4.80 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PCC เปิดทำการซื้อขายวันแรกที่ราคา 4.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 0.5% จากราคาไอพีโอที่ 4 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กำไรสุทธิของ PCC จะเติบโตขึ้น 38% / 38% / 10% ในปี 65 / 66 / 67 หรือมี CAGR ที่ 28% โดยกำไรที่เติบโตแข็งแกร่งในปี 65 จะมีแรงขับเคลื่อนหลักจากฐานที่ต่ำผลจากวิกฤติโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่รายได้ และ อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) และ สัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลงจากการประหยัดต่อขนาดที่ดีขึ้น จะช่วยผลักดันการเติบโตของกำไรในปี 66-67 ซึ่งให้ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 4.70 บาท/หุ้น หรือ สะท้อนเป้า market cap ที่ 5.8 พันล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า ประเมินแนวโน้มผลประกอบการในปี 65 - 66 คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 343 ล้านบาท และ 393 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ 69% และ 15% ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้า (PEM) ตลอดจนการเปลี่ยนเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตให้เป็นเครื่องจักรอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสูง โดยประเมินมูลค่าหุ้นปี 66 ที่ 4.8 บาท ซึ่งมาจากการประเมินมูลค่าหุ้นด้วย PE Ratio เทียบกับบริษัทฯ ใกล้เคียงในตลาด

บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จํากัด ระบุว่า ประเมินรายได้รวมปี 2565-2568 เท่ากับ 4.7 พันล้านบาท (+28.8%YoY), 5.1 พันล้านบาท (+9.0%YoY), 5.4 พันล้านบาท (+6.3%YoY) และ 5.8 พันล้านบาท (+7.6%YoY) ตามลําดับ ขยายตัวเฉลี่ยต่อปีแบบ CAGR ที่ 7.6% ขณะที่กําไรสุทธิคาดการณ์ 262 ล้านบาท (+29.2%YoY), 361 ล้านบาท (+37.9%YoY), 419 ล้านบาท (+16.2%YoY) และ 469 ล้านบาท (+11.8%YoY) ตามลําดับ ขยายตัวเฉลี่ยต่อปีแบบ CAGR ที่ 21.4% และ ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมสิ้นปี 66 เท่ากับ 4.77 บาท/หุ้น

บริษัทหลักทรัพย์ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า จะมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 25.4% CAGR ในปี 21-24 เพิ่มขึ้นจากโครงการในอนาคตที่การไฟฟ้ามีแผนจะปรับโครงข่ายระบบไฟฟ้าทั่วประเทศ โดยบริษัทฯ มีโอกาสในการเติบโตอีกมาก เนื่องจาก เป็นเพียง 1 ใน 6 เจ้าที่ได้รับการรับรองจากการไฟฟ้าให้ผ่านการคัดกรองให้เข้าทำการประมูลงานส่วนใหญ่ได้ ซึ่งประเมินมูลค่าของ PCC โดยอิง Forward P/E ในปี 23 ที่ 15.8 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของอุตสาหกรรม จะได้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 4.76 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กำไรสุทธิปี 22-23 ที่ 305 ล้านบาท และ 385 ล้านบาท ตามลำดับ หรือ เติบโต 38% CAGR 21-23 โดยมี key driver หลักจากการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งมอบงานได้มากขึ้น และ ประมูลงานเพิ่มเติมได้หลังจากผ่านช่วง COVID-19 โดยทำให้ผลประกอบการสะดุดลงหนุนรายได้รวมในปี 22-23 ที่ 4.6 พันล้านบาท และ 4.8 พันล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 15% CAGR 21-23 ในขณะที่ราคาเหมาะสมปี 23 ประเมินที่ 4.70 บาท